ประสบการณ์สุดประทับใจของช่างสัก กับคู่รักต่างชาติที่มาสักลายความทรงจำในประเทศไทย

เรื่องเล่าจากร้าน “Jame Tattoo Studio” จังหวัดกระบี่

ช่างสักมืออาชีพเล่าประสบการณ์จริง กับคู่รักต่างชาติที่มาสักลายความรักที่จังหวัดกระบี่ พร้อมแชร์ความรู้เรื่องการใช้ “ยาชาสัก” เพื่อความปลอดภัยและสบายตัวตลอดกระบวนการสัก

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

ผมชื่อ “แม็กซ์” ครับ อายุ 36 ปี เป็นช่างสักที่เปิดร้าน “Jame Tattoo Studio” อยู่แถวหาดคลองม่วง จังหวัดกระบี่ เราเปิดร้านมาได้ 7 ปีแล้ว รับงานสักทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะช่วง high season ของฝรั่งนี่งานแน่นแทบทุกวัน

สิ่งที่ทำให้ผมยังรักในอาชีพนี้ไม่เคยเปลี่ยน ก็คือ “ความหมาย” ที่อยู่เบื้องหลังรอยสักแต่ละลาย ไม่มีงานไหนเหมือนกันเลย เพราะแต่ละคนมีเรื่องราวของเขาเอง และในบางครั้ง เรื่องราวนั้นก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมด้วย

วันนี้ผมอยากแชร์เรื่องราวของคู่รักคู่นึงที่ผมไม่มีวันลืม และพวกเขาเป็นเหตุผลให้ผมเชื่อว่า “รอยสัก” ไม่ใช่แค่ภาพ แต่มันคือความรัก ความทรงจำ และการยืนยันสิ่งสำคัญในชีวิต

เมื่อ “รอยสัก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก

ช่วงปลายเดือนมกราคม ปี 2568 มีคู่รักชาวฝรั่งเศสมาที่ร้านผม ชื่อ “Alice” กับ “Julien” ทั้งสองคนอายุประมาณ 30 ต้น ๆ เดินทางมาพักร้อนที่กระบี่หลังจากหมั้นกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

Alice เป็นนักเขียนบทสารคดี ส่วน Julien เป็นช่างภาพ ทั้งคู่เป็นสายท่องโลกแบบเรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่มีจิตใจละเอียดอ่อนและเห็นคุณค่าของทุกสิ่งรอบตัว

พวกเขาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม และพูดคุยกันแบบเรียบง่าย แต่ชัดเจนว่า “การมาสัก” ครั้งนี้มีความหมายมากสำหรับพวกเขา

ลายสักแห่งความทรงจำ

พวกเขาอยากสักภาพ “ต้นบันยัน” (ต้นไทรใหญ่แบบไทย ๆ) โดยมีรากที่เกี่ยวพันกัน และนกสองตัวบินคู่กันบนกิ่งไม้

ฟังดูเรียบง่าย แต่ลึกซึ้งมาก

Alice บอกว่า เขาเจอกันครั้งแรกใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ศรีลังกา และต้นไม้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความมั่นคงและการเติบโต” ที่พวกเขาสองคนสร้างร่วมกัน

ผมใช้เวลาวาดแบบให้พวกเขาดูอยู่ครึ่งวัน และเราค่อย ๆ ปรับแบบจนลงตัว งานนี้ใช้เวลาสักทั้งหมดประมาณ 6 ชั่วโมง เพราะมีรายละเอียดเยอะ และเป็นลายที่มีทั้งเส้น linework และ shading

การเตรียมตัวและการใช้ “ยาชาสัก” อย่างมืออาชีพ

สิ่งหนึ่งที่คู่รักคู่นี้ให้ความสำคัญมาก คือ “ความปลอดภัย” และ “ความสบาย” ขณะสัก เพราะ Alice เป็นคนผิวบอบบางมาก และกลัวความเจ็บจากการสักครั้งแรก

ผมจึงแนะนำให้ใช้ ยาชาสักแบบทา (Topical Numbing Cream) ซึ่งเป็นสูตรที่ผมเลือกใช้กับลูกค้าต่างชาติประจำ เพราะ:

ไม่ระคายเคือง
มีความปลอดภัย (เลือกยาที่ผ่านการรับรอง)
ออกฤทธิ์เร็ว ภายใน 40-60 นาที
อยู่ได้นาน 3–6 ชั่วโมง เหมาะกับงานสักที่ใช้เวลานาน

ก่อนเริ่มสัก ผมอธิบายให้พวกเขาเข้าใจถึงขั้นตอนการใช้:

ทำความสะอาดผิว
ทายาชาให้ทั่วบริเวณที่จะสัก
ปิดด้วยพลาสติก wrap เพื่อเร่งการดูดซึม
รอประมาณ 60 นาที จึงเช็ดออกแล้วเริ่มงาน

ผลลัพธ์คือ Alice ไม่รู้สึกเจ็บเลยตลอด 3 ชั่วโมงแรก Julien เองก็บอกว่า “มันสบายมากจนเหมือนนั่งดูศิลปินวาดภาพบนผิวหนัง”

ความเชื่อผิด ๆ เรื่องยาชาสัก

ก่อนหน้านี้ ผมเจอลูกค้าหลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาชาสัก เช่น:

ใช้แล้วผิวจะเสีย
มีผลข้างเคียงรุนแรง
ทำให้สีสักไม่ติด

ความจริงคือ ยาชาสักที่ได้มาตรฐาน และใช้โดยมืออาชีพนั้นปลอดภัย และช่วยให้กระบวนการสักราบรื่นขึ้นมาก โดยเฉพาะกับลูกค้าที่สักครั้งแรก หรือมีความกลัวความเจ็บ

เทคนิคการเลือกยาชาสักแบบมืออาชีพ

จากประสบการณ์ของผม มีเกณฑ์เลือก ยาชาสัก ดังนี้:

ต้องมี Lidocaine เป็นส่วนผสมหลัก
ควรมีเอกสารรับรอง เช่น MSDS หรือ อย. หากจำหน่ายในไทย
บรรจุในหลอดที่สะอาด ปิดสนิท ไม่มีการปนเปื้อน
ไม่มีกลิ่นฉุนหรือสีที่แปลกประหลาด

ผมเคยทดลองหลายแบรนด์ในช่วงปีแรกที่เปิดร้าน บางตัวไม่ให้ความชาเลย แม้ในความเป็นจริงปัจจัยที่ทำให้ ยาชาไม่ชา ก็มีหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ สุขภาพผู้ใช้เองด้วย แต่นั้นก็ทำให้ ตอนนี้ผมใช้เพียงไม่กี่ยี่ห้อที่ไว้วางใจได้จริง

ความรู้สึกหลังจากงานสักจบ

หลังจากสักเสร็จ Julien มองดูรอยสักของเขากับ Alice ด้วยสายตาที่ผมจำได้ไม่มีวันลืม มันคือแววตาแบบเดียวกับตอนเขาพูดว่า “เราอยากมีบางอย่างไว้เตือนตัวเองถึงสิ่งที่เราเริ่มต้นกันไว้ในโลกนี้”

Alice หันมาขอบคุณผม แล้วพูดว่า: